CHAAI RADIO


      
            

ท่านสมารถติดตาม ข่าวสั้นแบบ #ฉับพลันทันด่วน โดย ชาย ชัยภูมิได้ ทุกๆ 1 ชม. ทาง TV ดาวเทียม ตลอด 24 ชั่วโมง(สมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรม การท่องเที่ยวและกีฬา).

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
<=กรุงเทพฯ,Thai <=อเมริกา, WashingtonDC <=รัสเซีย, Moscow <=เกียวโต,Japan

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เฮียช้าง(Here Chang)

30 ตุลาคม 53

14.05 น.

------"เฮ๊ออออออออ ....." นั่นดิ๊ ?..... แบบไหนกันแน่ สูตรน่ะสูตร?แบบไหนเอาให้แน่นะ?"

โทรศัพท์ทุกวันนี้ค่าโทรก็ถือว่าพอคุยกันได้ แบบเรื่อยเปื่อย

เฉื่อยแฉะถือว่าจ่ายได้ไม่แพง(ถ้าอยู่ในเครือข่าย ค่ายบริษัทอันเดียวกันนะ)

..........เสี่ยช้างแห่งโรงปั้นดินเผาเพื่อส่งออกตามออเดอร์ลูกค้าต่างประเทศ คะยั้นคะยอถามทัก เรื่องสูตรเด็ดขาดมา

"ใผ๋ผู้ใดแม้ได้เสพดื่ม เพียงค่ำคืนก่อนนอนละ 1 เป๊กเท่านั้นแหละ ......... เด็ด นัก !"

------เพราะเด็ดนัก..... !นี่แหละ ทำเอาอาเสี่ยถึงกับถลึงนัยตาจ้องเขม็งมายังผู้เล่าถึงสรรพคุณเป็นที่มั่นหมาย ยิ่งนัก อยากได้ และ อยากได้นักสูตรเด็ด ... ! ก็อ้างอิงเอาตาม หลักเก่าเค้าเดิมของทางศาสนาพุทธที่มีจารบันทึกเอาไว้แต่นมนานมานั่นแหละ ......เกริ่นเล่านำเรื่องขณะเสวนาในวงพรรคพวก เพราะจะให้เอาแต่ทำงาน ..... ทำงาน อย่างเดียวโดยไม่เหลียวแลสุขภาพร่างกายตนตัว ของตัวเองเลยนั่นมัน ก็ไม่ถูกต้องไม่ไหวแน่หนักๆเข้าก็จะพาลแย่ไปตามๆกันเมื่อสุขภาพร่างกายเจ็บป่วยผุพังไอ้เรื่องสังคมการไปมาหาสู่กันคบหากันแบบที่พวกเราเป็นๆอยู่นี่ก็อย่าหวังเลยจะได้เป็นและเกิดขึ้นได้อีกต่อไป.....และก็รวมไปถึงการบ้านงานเรือนที่พึงประพฤติปฏิบัติตามหลักชายชาตรี

กราม้าศึกก็อย่าได้หวังจะทำ จะเป็นไปได้ก๊ะชาวบ้านชาวช่องอย่างพวกที่สมบูรณ์กายท่านเป็นกัน เพราะกายาสภาพต่างฝ่ายต่างก็เดี้ยงแล่ววววว ..........

ดังนั้นแล้วไฉนเลยจะพากันนิ่งดูดายปล่อยให้มันเสื่อมทรุดไปโดยเปล่าดายจึงเป็นที่มาของสูตรเด็ดสะท้านยุทธภพ สำหรับผู้หวังในความเป็นผู้ที่มีสภาพทางกายเป็นสุขแข็งแกร่งฉกาจแลฉกรรจ์ ปลอดจากโรคาพยาธิเบียดเบียน.

------เดิมนั่นการดื่มยาดองนามนี้ สูตรนี้มีที่มาจากตำนานทางพุทธโดยมีบัญญัติบอกให้ คณะศรัทธาสาธุชนปฏิบัติกัน โดยเรียกขานว่า นิสสัย 4

(เครื่องอาศัย) ของบรรพชิต หรือ สิ่งที่บรรพชิตพึงปฏิบัติ เพื่อการยังชีพ)มีดังนี้ : -

1. เที่ยวบิณฑบาต คือ ให้ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต โดยอาศัยชาวบ้านเป็นอยู่

โดยปัจจัยที่ได้จากการบิณฑบาตนั้นถือว่าเป็นปัจจัยที่บริสุทธิ์

2. นุ่งห่มผ้าบังสกุล คือ การนุ่งห่มผ้าที่หาเจ้าของมิได้ เช่นผ้าตามกองขยะที่ชาวบ้านทิ้งหรือ ผ้าห่อศพ ภิกษุในสมัยพุทธกาลจะเก็บมาย้อมเย็บเป็น จีวร สบง ไว้นุ่งห่ม

3. อยู่โคนไม้ เนื่องจาก ในสมัยพุทธกาล ผู้ที่บวชเป็นบรรพชิต เมื่อทิ้งบ้านเรือนมาออกบวชก็มักจะอาศัยอยู่ในป่า แม้แต่พระพุทธองค์ก็มิได้ยกเว้น ต่อมาภายหลังจึงมีผู้ศรัทธาสร้างกุฏิถวาย

4. ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า คือ การฉันยารักษาโรคด้วยยาดองน้ำมูตร(ปัสสาวะ)เน่าปัจจุบันการแพทย์เจริญขึ้น จึงไม่ค่อยนิยมปฏิบัติ และอนุโลมให้ฉันยาอื่นแทนได้

อีกรง--น้ำมูตรเน่านี่แหละ ปัจจุบันก็เลยแปรและเปลี่ยนอนุโลมมาให้เป็นสูตรอื่นๆได้เช่นเป็นยาทางวิทยา ศาสตร์แผนฝรั่ง แผนจีน แผนไทย ฯลฯทั้งนี้เพื่อยังชีวิตสังขารให้อยู่รอด เพื่อให้ตนตัวได้ทำคุณงามความดีต่อตน ต่อครอบครัวสังคมแลผู้คน สรรพสัตว์อื่นใดในวงกว้างแบบสร้างสรรค์น่ะ ซึ่งข้อที่ว่าดองด้วยน้ำปัสสาวะแม้จะเป็นของตัวเองน่ะก็รับไม่ได้ดื่มไม่ลง แน่ๆต้องแปลง ..... ต้องแปลงสูตรจึงจะดื่มกินลงได้ ก็เลยเป็นที่มาสูตรยาน้ำ"นิสสัยสี่" แบบนิวโมเดิร์น ซึ่งก็ได้เล่าพอผ่านๆมาให้เสี่ยช้างเพื่อนผู้พี่คนนี้ได้ฟังมาบ้างแล้วนานพอควร สมัยที่---โต๋เต๋กันอยู่แถวเมืองปากน้ำโพโน่น

"เอ๊า ว่ามาสูตรไหนแบบไหนกันแน่ .........จะลงมือทำกันแล้ววันนี้หมากขามป้อม

ก๊ะลูกสมอมีเป็น กระสอบนี่เสียดายของ มันมีแยะในไร่ในสวนนี่บอกมา.... ?"

"อ๊ะ ... สำคัญเลยที่เดียวแหละเฮียเอ๋ยใผ๋ผู้ใดแม้ได้ดื่มก่อนนอนเพียงค่ำคืนละหนึ่ง

เป๊กเท่านั้นแหละ รับรองเสาเรือนโยก เสาเรือนเซ .... แซ่ดดดดๆ ...... แซ่ดดดดๆเลยแหละ"

"มาๆ บอกมาเลยจะลงมือทำกันเองเลยเดี่ยวนี้แหละ"

พัก นี้ข่าวเฮียช้างแกเดินเซถลา แบบเซๆแถๆแถกๆไปข้างเดียว ต้องเทียวเข้าหาหมอคลินีคอยู่ทุกบ่อยและที่โทรมาหาผู้เขียนนี่ก็เห็นรายงาน ว่าเพิ่งออกจากคลินีคแพทย์หมอเมื่ออาทิตย์ที่แล้วมานี่เอง ในสภาพที่ข้อเข่าข้อขาเดินเหิรไม่ไหวยกย่องย่างแต่ละทีเหมือนมีน็อตขันล็อค ตามข้อต่อต่างๆดึงรั้งเอาไว้ไม่ทราบ ขณะคุยสายกันอยู่นี่อาเฮียช้าง แกจะอยู่ในสถาพนอนพับเพียบ ....หรือนอนเหม็บยาวอยู่ก็มิอาจแลเห็นกันได้ แน่ๆน่ะคืออยากได้สูตรเด็ดทางสมุนไพรโบราณไปหมักทำกินเยียวยาสภาพอันบูดบวม ของแก ในนามยาน้ำ"นิสสัยสี่"

เอานะเฮียทำไว้เลยสูตรเด็ดทำไว้กินดีนักแท้ ยาน้ำ"นิสสัย4"อีกหนึ่งสูตรหนึ่งวิธี มีดังนี้ : -

1.หมากขามป้อม+ลูกสมอไทย อย่างละเท่ากันรวมเป็น 3 กิโลกรัม

2.น้ำฝนสะอาดๆ 8 กิโลกรัม

3.น้ำตาลทรายแดง 1.5 กิโลกรัม

4.เกลือแกง 1 ขีด(หรือประมาณเอาให้รสแต่พอปะแล่มๆ)

วิธี ทำ ทุบๆหมากขามป้อมและลูกสมอไทย ให้เนื้อแตกออกคัดเมล็ดทิ้งออกไปเอาลงต้มกับน้ำทั้ง 8 กิโล(หม้อใบใหญ่หรือกระปี๊บน้ำตาลก็ได้)ให้น้ำเดือดปุดๆแล้วราไฟลงเทน้ำตาล ทรายแดงและเกลือที่เตรียมไว้ลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆต่อไปจากน้ำ 8 กิโลเคี่ยวๆไป กะให้เหลือซัก 6 หรือ 7 กิโล แล้วพักลงให้เย็นและเก็บในภาชนะที่เป็นโหลแก้วใหญ่ๆ ท่านว่าถ้าจะให้เก็บได้นานหลังยกลงจากเตาไฟใหม่ๆให้เอาไปทำให้เย็นโดยฉับ พลัน เช่นเข้าตู้เย็น หรือยกหม้อต้มลงแช่น้ำเย็นทันทีจะเก็บไว้ได้นาน

เหออ ๆอีกรงน้ำฝน 8 โลนั่นอย่าได้ซีรียส--แลขรึมคิดให้ปวดหัวปวดหมับไปนาอาเฮียเอ๋ยยยเอาเป็นว่าผู้ให้การอยากเขียนแบบใช้มาตราเพื่อตวงและวัดที่ผสมปนเปกันไปเฉยๆทำนองนั้นแหละ ดังนั้นในรายละเอียดของการลงมือทำจริงก็ขอให้กะๆประมาณเอา ว่าน้ำ 8 โลนั่นเมื่อเทลงกระปิ๊บสำหรับต้มเคี่ยวนั่นก็หมายว่าน้ำต้องท่วม และมากเกินกว่าจำนวนหมากขามป้อมก๊ะลูกสมอนั่นเป็นเกณฑ์มากกว่าจนเล็งด้วยญาณวิถีได้ว่ามันจะเป็นส่วนผสมที่เป็นยาเพื่อบรรจุในขวดโหล

เก็บไว้ดื่มกินได้นานๆวันนั่นแหละ .........

...........โฮ๊ะ ........ !พูดไปพาลจะทำเอาผู้ให้การเองปวดหัวซะเองก็เอาเป็นว่าเล็งและกะๆเอาตามแนวทางที่ว่ามานั่นก็แล้วกัน เป็นผู้ใหญ่คิดเองได้อยู่แล้ว เป็นผู้ใหญ่เฉยๆยังไม่พอยังเป็นอาเสี่ยอาเฮียไปแล้วพูดไปก็จะเสียการสำคัญเน๊าะ

มาเลย ........ มาเลยนะใกล้ปีใหม่นี่ได้ชิมฝีมือ สูตรยาน้ำเสาเรือนโยกกันล่ะเดือนธันวานี่มานะ?"

เหออออ ๆอาเฮียช้างนี่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ถูกคอกันก๊ะผู้เขียนแบบเหมือนยุควัยรุ่นลุยไหนลุยกันประมาณนั้นแหละเฉพาะงานการได้พูดคุยหยอกล้อกันด้วยแล้ว เป็นเพลินเป็นเต้ยเป็นปี่เป็นขลุ่ยเอาเลยทีเดียว โชคดีที่ข่าวน้ำท่วมปีนี้โรงปั้นดินเผาของอาเฮียไม่ถูกกระแสน้ำกัดซัด ......ซึ่งตกมาปีนี้เห็นว่ามียอดออร์เดอร์จากต่างประเทศเริ่มเข้ามาแล้ว มีงานให้พนักงานชาวโรงปั้นของอาเฮียได้ทำกันไม่ขาดมือกันล่ะ แต่อาเฮียแกก็ยังหวั่นใจอยู่ช่วงหน้าเกี่ยวข้าวหากลูกน้องชาวโรงปั้นไปเกี่ยวข้าวขึ้นยุ้งขึ้นฉางกันหมดงานตามออร์เดอร์เมืองนอกต้องพลาดกันแหงๆ

ทำไงดีวู๊ยยยย ....... ?”

อ้าว........ แล้วไงต่อล่ะก็ทีแล้วๆมาล่ะเฮีย?”

แกบอกก็เป็นมาแบบนี้แหละหน้าเกี่ยวข้าวทีไรห๊ายยยจ้อย หายแซ๊บหายสอยคนทำงานพรรค์นี้น่ะ อืออ... ขาดแคลนแรงงานฝีมือเน๊อะงานขายดี แต่ขาดคนผลิตงานมันยังไงอยู่นาอาเฮีย? ก็นั่นดิ๊เจอปัญหาทุกที

ราคาค่าจ้างแรงงานไม่คุ้มมั้งเฮีย?”

เถ้าแก่ช้างบอกไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะราคาค่าจ้างค่าออนก็พอๆกันก๊ะงานช่างฝีมือทั่วไป---แถมซ้ำจะได้ดีกว่าหลายๆชนิดงานที่เขาจ้างๆกันอยู่ด้วยซ้ำ ทำๆกันอยู่ก็เป็นแบบให้เหมายกไปทำกันเลย เสร็จเร็วจ่ายเงินทันที ว่ากันเป็นแพ็คๆไป เอ้อออนั่นสิแล้วไง ท่านไม่พากันอยู่ทำกันต่อเนื่องไปเลยอาเฮีย?

"พอจ่อหน้ารวงข้าว คอรวงเหลืองเท่านั้นแหละ พวกเป็นยกครัวไปกัน เป็นโขยงทุกทีเลย"

งาน POTTERY ตามออเดอร์มาดถานโลกก็พลอยชะลอช้าลงไปด้วย เท่าที่สังเกตุดูคนทำงานของเฮียแกจะมากันเป็นแพ็คครอบครัวผัวเมีย พ่อแม่ลูก และก็จะเป็นครอบครัวคนทำนา ทำไร่ ทำสวน

ก็ได้คนประเภทอย่างนี้แหละ พวกอื่นๆหนุ่มสาวคนโสดปรกติไม่มาทำกันพวกคนทำงานอย่างนี้แบบนี้ลงตัวแล้ว

เอออ ......... ตามคำบอกเล่าของอาเฮียแกว่ามานั่นท่าจะใช่อย่างแกว่า

เพราะคนทำอาชีพพรรค์นี้ต้องลุย ......... ประเภทลุยเลนตมน่ะลุยซะเละ---เลอะเทอะเปรอะเปื้อน นั่นดิ๊อาเฮียถึงว่าก็พี่น้องชาวนาน่ะท่านวางมือจากงานลุยเลนตมของเฮียเสร็จก็เลยพากันลงลุยบิ้งนาเกี่ยวข้าวกันต่อซะเลยไม่ผิดสังเกตแล่ววว แบบนี้น่ะเลยต้องวนเวียนวกวนอยู่กันแบบนี้ ไอ้จะให้คนหนุ่มสาววัยสำอางค์สะโอดสะองอยู่เขามาลุยกันท่าจะหายากนาเฮียนา---เพราะวัยแลโลกทัศน์มันไม่เหมาะกันก๊ะพวกเขานั่นแหละ ทำใจๆอ๊ะว่าๆมานี่ก็อย่าลืมซะล่ะ สูตรยาดองมาดถานโลก ดองเสร็จหมักทิ้งไว้ในโหลแก้วสะอาดๆซักเดือน ก็อย่าลืมสะกิดสะเกาบอกให้ทราบด้วยก็แล้วกัน จะได้ไปชิมตัวยาอันมีสรรพคุณเป็นเลิศฟ้าด้วยสูตร

นิสสัยสี่

ไม่มีความคิดเห็น: